Vuelta a Espana เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลในประเทศสเปน โดยมีการจัดงานขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ทุกเดือนกันยายนของทุกปี Vuelta a Espana คือ การแข่งขันจักรยานที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับ 3 รองจาก Tour de France ในประเทศฝรั่งเศสและ Giro d’Italia ในประเทศอิตาลี โดยทั้ง 3 รายการมีการเรียกรวมกันว่า Grand Tour โดย Vuelta a Espana จัดงานขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1935 หลังจากนั้นจึงจัดต่อเนื่องมาในทุกๆปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1955 เป็นต้นมา การแข่งขันในวันสุดท้าย ผู้ชนะจะได้เข้าเส้นชัย ณ กรุง Madrid
ผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับเสื้อสีแตกต่างกันเพื่อสวมใส่ในวันต่อไป สำหรับสีเฉพาะสำหรับผู้ชนะในแต่ละประเภท ได้แก่…
• สีทอง คือ ผู้มีคะแนนรวมสูงสุด
• สีแดง คือ ผู้ชนะในเขตภูเขา
• สีน้ำเงินลายปลาสีเหลือง คือ เสื้อของผู้ชนะในแต่ละช่วง
Vuelta a Espana เป็นรายการแข่งจักรยาน Grand Tour รายการสุดท้ายของทุกๆปี โดยรายการนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ภูเขา ซึ่งสูงชันยิ่งกว่ารายการ Tour de France ของฝรั่งเศสเสียอีก อีกทั้งยังมีอุณหภูมิร้อนระอุกว่า เนื่องจากอากาศของสเปน ในช่วงปลายสิงหาคม ซึ่งจัดเป็นช่วงร้อนที่สุดของฤดูร้อน สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 21 Stage โดยมีวันพักระหว่างการแข่งขัน 2 วัน โดยแบ่งออกเป็น Stage ต่างๆ ดังนี้…
• Time Trial 2 Stage
• ทางราบ 6 Stage
• เนินเขา 2 Stage
• ภูเขาปานกลาง 5 Stage
• เขาสูงชัน 6 Stage
ด้วยเหตุนี้ รายการนี้จึงเป็นรายการที่นักไต่เขาทั้งหลาย โดยเฉพาะชาวสเปนต้องการแข่งหวังผลการแข่งอย่าง จริงจังเป็นอย่างยิ่ง เพราะ Stage ภูเขาที่สามารถส่งผลกับเวลารวม ส่งผลถึง 11 Stage นอกจากนี้ภูเขาของรายการนี้ยังทั้งชันและยาว จึงทำให้เกิดเวลาทิ้งห่างกันได้ง่ายกว่า Grand Tour อีก 2 รายการที่ผ่านไปแล้ว โดยนักแข่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ จึงต้องเป็นนักแข่งขันไต่เขาระดับชั้นเซียน และต้องมีความสามารถขี่ Time Trial ได้ดีพอสมควร นอกจากนี้ยังต้องมีความอึด ทนทานต่อการแข่งได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังต้องฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ เนื่องจากอากาศร้อนจัด จึงทำให้เกิดเหนื่อยความล้า อัตราชีพจรเต้นสูงกว่ารายการ Grand Tour ในอิตาลีและฝรั่งเศสเสียอีก
อีกทั้งยังมีรางวัลพิเศษสำหรับนักแข่งที่มีความโดดเด่นในแต่ละวัน ที่สามารถทำเกมหนีได้อย่างดุเดือด กระตุ้นเสียงเชียร์ให้แก่ผู้ชมทั้งสนาม รางวัลพิเศษนี้สร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้นักแข่ง และทีมที่ผิดหวังจากรางวัลหลักต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้พยายามจะหลบหนีกลุ่มให้ได้นานที่สุด